
เรียน ท่านผู้ถือหุ้น
ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นอีกปีที่มีความท้าทาย แต่บริษัทฯ ก็สามารถก้าวผ่านได้อย่างมั่นคง ด้วยความพร้อมทางการเงิน และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 41 โครงการ มูลค่ารวม 52,380 ล้านบาท มียอดขายเฉพาะในประเทศรวม 26,743 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 37 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ, ภูมิภาค 21 โครงการ) และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
ปี 2568 ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยผู้ประกอบการยังคงเผชิญความท้าทายจากหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการเติบโตของตลาด หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งประกาศนโยบายที่จะไม่เปิดหรือลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่ อย่างไรก็ดี ที่ดินทำเลดีหายากขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองต่อเทรนด์สีเขียว และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และ IoT โดยมีความท้าทายที่ต้องจับตา อาทิ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงขับเคลื่อนจากการซื้อของชาวต่างชาติ และการขยายตัวของเมืองรองที่มีศักยภาพดี ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตได้ ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจ บริษัทฯ จึงกำหนดแผนงานปี 2568 ที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 36 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 28 โครงการ และโครงการอาคารชุด 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 32,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 30,000 ล้านบาท งบประมาณการจัดซื้อที่ดินในประเทศ 8,000 ล้านบาท สำหรับขยายการพัฒนาโครงการในทำเลใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่งครอบคลุม 31 จังหวัด โดยเพิ่มจังหวัดใหม่ ได้แก่ ลพบุรี สุพรรณบุรี รวมทั้งเกาะสมุย อีกทั้งมีการพัฒนาบ้านและอาคารชุด การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ แบบบ้านใหม่ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้า นวัตกรรมที่อยู่อาศัยรักษ์โลก ส่งมอบบ้านและการบริการที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
และผลสำเร็จจากการลงทุนในประเทศออสเตรเลียที่ต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 11 ปี ในปี 2568 คาดว่ายอดขายจากการลงทุนที่เพิ่มจำนวนโครงการจาก 12 โครงการเป็น 24 โครงการจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100% ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานรายได้ของบริษัทฯ จากการลงทุนในต่างประเทศ
ด้านการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในหลากหลายด้าน เพื่อปรับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า
- ด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ พัฒนาโครงการแนวราบในราคาที่เข้าถึงได้ เจาะกลุ่มตลาดระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มการลงทุนในที่ดินแปลงใหญ่ รวมถึงมุ่งมั่นการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และเพิ่มระยะเวลารับประกัน โดยโครงการอาคารชุด โครงสร้างจากเดิม 5 ปี เพิ่มเป็น 10 ปี และส่วนควบจากเดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี รวมทั้งโครงการแนวราบ ส่วนควบจากเดิม 1 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี โดยบริษัทฯ ได้นำร่องที่โครงการคอนโดมิเนียม คือ ศุภาลัย ปาร์ค เอกมัย-พัฒนาการ, ศุภาลัย เซนส์ ศรีนครินทร์ และโครงการแนวราบที่ศุภาลัย เอสเซ้นส์ บางนา-สุวรรณภูมิ เพื่อตอบโจทย์ความมั่นใจที่แตกต่างในการอยู่อาศัยในโครงการศุภาลัย
- ด้านการตลาด มีการนำ AI และเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการตลาด โดยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยที่ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
- ด้านนวัตกรรมดิจิทัล ผสานนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด Smart Village เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
- ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืนในการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้า ด้วยการจัดเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฯ ของวัสดุที่ใช้ในทุกกระบวนการของธุรกิจ 100% ในปี 2568 มุ่งสู่เป้าหมายการจัดซื้อวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)
- ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ด้วยความโปร่งใสและจริยธรรม พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและจรรยาบรรณทางธุรกิจ
คาดว่าปี 2568 นี้ จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายหลากหลายมิติ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขัน โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว
ความมุ่งมั่นดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัล ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง รวมทั้งได้รับรางวัลเกียรติยศจากองค์กรชั้นนำต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความน่าเชื่อถือที่มีต่อบริษัทฯ อาทิเช่น ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานสากล ISO 14064-1:2018, ได้รับการรับรองการรายงานข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร, ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ในส่วนของอาคารสำนักงาน โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร, รางวัล Outstanding Contributor in Sustainability, รางวัล Low Carbon Reduction, รางวัล Green Mission, รางวัล Most Attractive Employer จำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขา First Jobber (18-30 Years) และสาขา Non-First Jobber (Over 31 Years), รางวัล The International Design & Architecture Awards 2024 สาขา Residential Project Value £20 Million Plus Winner โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร, รางวัล BCI ASIA AWARDS 2024 สาขา Top 10 developers of Thailand, รางวัล Best Functional Townhome, รางวัลบ้านและสวน PETS AWARDS 2024, รางวัลแบบก่อสร้างผ่านเกณฑ์ประเมินโครงการฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงาน(ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5) ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย 4 โครงการ 5 แบบบ้าน, รางวัล Golden Value Award 2024 "แบรนด์ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและความคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้", รางวัล Best Brand Performance on Social Media และ รางวัล Best Property & Real Estate Influencer, รางวัล CAC Change Agent Award ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3, ได้รับการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM Checklist) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12, การจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการกลุ่ม “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
ตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ ยึดมั่นและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลที่เหมาะสมใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยง การสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้นด้วยจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามกระบวนการ SDGs (Sustainable Development Goals) การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรมด้านการให้ความรู้ การศึกษา ครอบครัว สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และบริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในหลักจริยธรรม ความถูกต้องตามกฎหมาย และการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านไปพร้อมกับการพัฒนาคู่ค้าให้ครอบคลุมหลักการที่ดีทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายรวมถึงสังคมโดยรวม เพื่อนำศุภาลัย ก้าวไปข้างหน้า เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน รุกหน้าสู่เป้าหมายระยะกลางด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 จาก BAU (Business As Usual)
(ดร. ประทีป ตั้งมติธรรม)
ประธานคณะกรรมการบริษัท
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)